ใช้วิทยาศาสตร์การอาหารและโภชนาการสร้างซิกแพค

ใช้วิทยาศาสตร์การอาหารและโภชนาการสร้างซิกแพค

ปัจจุบันเรื่องของวิทยาศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้องในชีวิตประจำวันมากขึ้นกว่าในอดีตเป็นอย่างมาก มีการยอมรับและเห็นผลของการใช้วิทยาศาสตร์กับชีวิตประจำวันของคนมากขึ้น โดยเฉพาะวิทยาศาสตร์ด้านอาหาร โภชนาการและการกีฬา สามารถสนับสนุนและพัฒนาให้ร่างกายมีความสมบูรณ์แข็งแรง บริโภคอาหาร เลือกประเภทและชนิดของอาหารให้เหมาะสมตามวัย สามารถซ่อมแซมและเสริมสร้างร่างกายได้อย่างเหมาะในขณะที่วิทยาศาสตร์การกีฬาก็ช่วยในพัฒนาศักยภาพร่างได้ดีและรักษาในกรณีที่บาดเจ็บได้อย่างรวดเร็ว

ใช้วิทยาศาสตร์การอาหารสร้างกล้ามเนื้อมวลรวมของร่างกาย

การเลือกบริโภคอาหารอย่างถูกต้องนอกจากจะทำให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงห่างไกลโรคแล้ว ยังสามารถพัฒนาร่างกายให้มีระบบต่าง ๆ ที่เข้มแข็งมากขึ้นกว่าเดิมได้อีกด้วย เช่นเดียวกับการสร้างกล้ามเนื้อในร่างกายที่ยิ่งสมบูรณ์แข็งแรงมากขึ้นเท่าไหร่ การเคลื่อนไหว การรักษาและพยุงร่างกายร่วมกับระบบกระดูกและข้อต่อต่าง ๆ ยิ่งดีขึ้นมากเท่านั้น นอกจากนี้หากบริโภคอาหารที่ดีร่วมกับการเล่นกีฬาอย่างเหมาะสมแล้ว ผู้บริโภคสามารถสร้างกล้ามเนื้อเฉพาะส่วนสร้างเสน่ห์ให้ตัวเองดูดี บุคลิกภาพเยี่ยมได้ไม่ยากเลยทีเดียว

วิทยาศาสตร์การอาหารและโภชนาการร่วมกับวิทยาศาสตร์การกีฬาแนะนำวิธีการสร้างกล้ามเนื้อมวลรวมในร่างกายแบบง่าย ๆ ทำได้ทุกเพศทุกวัยไม่ต้องใช้เงินจำนวนมากเพียงแค่บริโภคอย่างถูกหลัก ออกกำลังกายอย่างถูกวิธีเท่านั้น เริ่มต้นด้วยการออกกำลังกายอย่างน้อย 1-3 ครั้งต่อสัปดาห์เพื่อช่วยในการซ่อมแซมกล้ามเนื้อ และการออกกำลังอย่างน้อย 1-3 ครั้ง ๆ ละ 30-45 นาทีต่อสัปดาห์โดยเน้นไปที่ท่วงท่าที่ใช้กล้ามเนื้อมาก ๆ จนเรารู้สึกเหนื่อยไม่ไหวแล้วให้พักจะส่งผลให้กล้ามเนื้อที่ถูกสร้างขึ้นใหม่แข็งแรงกว่าเดิม

ตัวช่วยเสริมให้สร้างกล้ามเนื้อใหม่ได้ไวและแข็งแรงขึ้น

การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่และเนื้อสัตว์จะช่วยให้การสร้างกล้ามเนื้อสามารถเกิดขึ้นได้ ไม่จำเป็นต้องหาอาหารเสริมหรือวิตามินใด ๆ มาช่วย เน้นการทานเนื้อ นมและไข่เป็นพิเศษก็เพียงพอแล้ว การออกกำลังอย่างสม่ำเสมอจะช่วยได้เช่นกันโดยเฉพาะการ “ยกบาร์เบล” สามารถช่วยสร้างกล้ามเนื้อช่วงแขน ช่วงขาและหน้าอกได้อย่างดี สำหรับมือใหม่เริ่มต้นด้วยการยกบาร์เบลที่มีน้ำหนักน้อย ๆ เสียก่อน เมื่อร่างกายรับได้ค่อยเพิ่มน้ำหนักมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่เสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บดีที่สุด

ความหมายของ “ซิกแพค” และตำแหน่งที่เกิดขึ้นในร่างกาย

ซิกแพค เป็นกล้ามเนื้อบริเวณช่วงท้องแบ่งออกเป็นด้านซ้ายและด้านขวาอย่างละ 3 มัดมีทั้งในเพศชายและหญิง การมีกล้ามเนื้อช่วงท้องทั้ง 6 มัดขึ้นรูปอย่างชัดเจนทำให้ผู้พบเห็นรวมถึงตัวของผู้ออกกำลังกายเองมีความมั่นใจในสุขภาพที่มีความแข็งแรงกว่าคนทั่วไป สำหรับการสร้างกล้ามเนื้อช่วงท้องที่เรียกว่าชิกแพคให้ขึ้นรูปสวยงามสามารถทำได้ดังนี้

  • ดื่มน้ำในปริมาณที่มากกว่าเกณฑ์ โดยคิดคำนวณจากน้ำหนักตัวคูณ 33 เท่ากับมิลลิลิตร
  • ออกกำลังกายโดยเน้นการบริหารกล้ามเนื้อส่วนท้องอย่างต่อเนื่องหรือ HIITT
  • รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ 3 มื้อต่อวัน ไม่งดหรือลดอาหาร
  • การงดอาหารเช้าส่งผลให้ขนาดของพุงใหญ่กว่าผู้ที่ทานอาหารเช้า 4.5 เท่า
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “เบียร์”
  • ไม่นอนดึก พักผ่อนเพียงพอ

สำหรับปริมาณน้ำที่ต้องดื่มให้เริ่มต้นตั้งแต่ตื่นนอนทันทีก่อนทำกิจวัตรประจำวัน ควรดื่มน้ำอย่างน้อย 2 แก้วเพื่อให้กล้ามเนื้อและร่างกายได้เริ่มการเผาผลาญ กล้ามเนื้อทำงานมากความแข็งแรงสมบูรณ์และการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอเป็นไปได้ดีมากขึ้น ปริมาณน้ำให้คิดคำนวณด้วยน้ำหนักตัวคูณด้วย 33 ผลลัพธ์ที่ได้คือจำนวนน้ำที่ต้องดื่มต่อวัน เช่น หนัก 65 กิโลกรัม ปริมาณน้ำที่ต้องดื่มต่อวันคือ 66X33 = 2,178 มิลลิลิตร หรือ 2 ลิตรขึ้นไปนั่นเอง

สรุปวิทยาศาสตร์วันนี้ช่วยสนับสนุนคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นได้

การออกกำลังกายแม้จะทำให้ร่างกายมีความแข็งแรงได้มากขึ้น แต่การเน้นสร้างสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นพิเศษอย่างเช่นการสร้างซิกแพค ผู้ออกกำลังกายต้องอาศัยวิทยาศาสตร์การอาหาร โภชนาการและการกีฬาเข้าช่วยพัฒนา การรับประทานอาหารการออกกำลังทั่วไปไม่สามารถทำให้เกิดกล้ามเนื้อขึ้นรูปสวย ๆ บริเวณหน้าท้องทั้ง 6 มัดได้ การทานอาหารที่เนื้อโปรตีน การดื่มน้ำที่มากกว่าค่ามาตรฐานและการออกกำลังด้วยวิธีหรือท่าทางที่เน้นเฉพาะส่วนมีความสำคัญในการช่วยให้สร้างกล้ามเนื้อ 6 มัดช่วงหน้าท้องได้ดีที่สุดนั่นเอง